นายก ชี้สถานการณ์ น้ำท่วม ที่เกิดขึ้นในไทยและทั่วโลก เป็นสัญญาณเตือนให้ต้องวางแผนเตรียมรับมือให้ทันสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ย้ำสั่งการ มท. ผวจ. 30 จังหวัดที่น้ำท่วมเร่งสำรวจความเสียหาย นายก, น้ำท่วม – เมื่อวานนี้ (29 ก.ย.64) เวลา 16.20 น. ภายหลังการตรวจเยี่ยมให้กำลังใจและมอบถุงยังชีพให้ประชาชนผู้ประสบอุทกภัยอำเภอจัตุรัส ณ วัดชัยชนะวิหาร (วัดบ้านละหาน) ตำบลละหาน อำเภอจัตุรัส จังหวัดชัยภูมิ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยกับสื่อมวลชนถึงการลงพื้นที่ตรวจติดตามสถานการณ์อุทกภัยจังหวัดชัยภูมิว่า จากการติดตามสภาพที่เกิดขึ้นจริงและข้อมูลต่าง ๆ ที่มีอยู่ ต้องมีการวางแผนและดำเนินการแก้ไขปัญหาให้ได้โดยเร็ว อย่างไรก็ต้องยอมรับว่า ปัญหาน้ำท่วมเกิดขึ้นทั่วโลกเช่นเดียวกับประเทศไทย ซึ่งสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วโลกนั้นเป็นสัญญาณที่ธรรมชาติของโลกกำลังแจ้งเตือนเราถึงการใช้ทรัพยากรต่าง ๆ อย่างสิ้นเปลื้องไป ดังนั้นการดำเนินการใด ๆ ต้องคำนึงถึงธรรมชาติและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมควบคู่ด้วย โดยรัฐบาลกำลังส่งเสริมสนับสนุนให้ประชาชนทำเกษตรยุคใหม่ และจะดูแลประชาชนทุกกลุ่ม เพราะประชาชนแต่ละระดับทั้งยาก ดี มีจน ต่างต้องพึ่งพาอาศัยเชื่อมโยงถึงกันและกันทั้งระบบ
นายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลได้ดำเนินการเรื่องโครงสร้างต่าง ๆ
มีความก้าวหน้าไปมากพอสมควรแล้ว และให้มีการดำเนินการอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ไปสู่เป้าหมายที่กำหนดไว้ พร้อมทั้งรับฟังความคิดเห็นจากผู้แทนในพื้นที่ และรับฟังความต้องการของประชาชนในพื้นที่ เพื่อนำไปพิจารณาสู่การดำเนินการอย่างเหมาะสม โดยเฉพาะเรื่องเร่งด่วนและสิ่งที่ประชาชนต้องการ นายกรัฐมนตรีก็พร้อมพิจารณาดำเนินการให้ ทั้งนี้ ทุกแผนงานและโครงการที่เสนอมาต้องถูกต้องตามกฎหมายและ กฎระเบียบต่าง ๆ ที่มีอยู่ และมีการประเมินติดตามผลอย่างชัดเจน
ส่วนการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยนั้น นายกรัฐมนตรีย้ำรัฐบาลให้ความช่วยเหลือตามมาตรการและหลักเกณฑ์เดิมที่มีอยู่ โดยได้เร่งรัดให้กระทรวงมหาดไทย ผู้ว่าราชการจังหวัดที่น้ำท่วม 30 จังหวัด เร่งสำรวจข้อมูลความเสียหายต่าง ๆ โดยเร็วเพื่อให้ความช่วยเหลือเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบในพื้นที่ต่อไป ขณะที่การผ่อนคลายมาตรการโควิด-19 นายกรัฐมนตรีย้ำว่า ขณะนี้รัฐบาลได้ผ่อนคลายให้มากพอสมควรแต่จะปล่อยทั้งหมดยังไม่ได้ เพราะสถานการณ์ยังเสี่ยงอยู่ ซึ่งหากสถานการณ์ดีขึ้นรัฐบาลก็จะมีมาตรการผ่อนคลายให้มากขึ้นเรื่อย ๆ โดยให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้ต้องย้อนกลับไปเริ่มต้นกันใหม่ที่ศูนย์อีกและเริ่มปิดล็อกดาวน์กันใหม่ จึงขอให้ทุกคนเข้าใจและร่วมมือกัน รวมทั้งรับฟังคำแนะนำจากหมอเพื่อการปฏิบัติตัวได้อย่างถูกต้อง ลดและป้องกันการแพร่ระบาดจากโควิด-19 ได้
ด่วน! จับได้แล้ว มือยิงวัยรุ่นหน้า สน.ดินแดง เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ ตำรวจเตรียมแถลงเที่ยงนี้
วันนี้ 30 ก.ย. 2564 สถานีโทรทัศน์สำนักงานตำรวจแห่งชาติ รายงาน จับมือยิงวัยรุ่นหน้า สน.ดินแดง ได้แล้ว เตรียมแถลงที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล 12.45 น.
กรณีเกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนก่อเหตุยิงเยาวชนชายอายุ 15 ปี ที่บริเวณ ปากซอย ประชาสงเคราะห์ 14 ต่อเนื่องถึง หน้า สน.ดินแดง จนทำให้เยาวชนชายรายดังกล่าวบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม ที่ผ่านมา
ความคืบหน้าล่าสุดหลังผ่าน 45 วัน ช่วงสายที่ผ่านมา มีรายงานว่า ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.ดินแดง ร่วมกับ ตำรวจสืบสวน สอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล สามารถจับกุมนายชุติพงษ์ หรือแบ้งค์ ทิศกระโทก อายุ 28 ปี จากจังหวัดกาญจนบุรีหลังตำรวจฝ่ายสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานและได้ขออนุมัติหมายจับต่อศาลอาญาได้ ซึ่งศาลอาญาได้อนุมัติหมายจับที่ 1569/2564 ลงวันที่ 27 ก.ย. 2564 ในความผิดฐาน พยายามฆ่า,มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนฯ
ข่าวดี! สธ. ลงนาม ซื้อแอสตรา ปีหน้า อีก 60 ล้านโดส
กระทรวงสาธารณสุข หรือ สธ. ลงนามเซ็น ซื้อแอสตรา ในปีหน้าอีก 60 ล้านโดส มั่นใจว่าไม่ขาดแคลนและเสริมภูมิคุ้นกันประชาชนตั้งแต่ต้นปีหน้า นาย อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวภายหลังเป็นประธานพิธีลงนามสัญญาการจัดซื้อวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า ระหว่าง นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค และ นายเจมส์ ทีก ประธานบริษัท แอสตร้าเซนเนก้า (ประเทศไทย) จำกัด จำนวน 60 ล้านโดสสำหรับปี 2565
นายอนุทิน กล่าวว่า สธ.มอบหมายให้กรมควบคุมโรค ลงนามสัญญาจัดซื้องวัคซีนแอสตร้าฯ ปี 2565 จำนวน 60 ล้านโดส มูลค่ากว่า 1.8 หมื่นล้านบาท โดยจะเป็นวัคซีนบูสเตอร์ให้กับผู้ที่ได้รับวัคซีนในปี 2564 ทั้งการฉีดครบ 2 เข็มหรือการฉีดเข็ม 3 แล้วก็ตาม เป็นการฉีดโดสเดียว จึงมั่นใจได้ว่า 60 ล้านโดสสำหรับประชากรไทย 60 ล้านคน
จึงมีความเพียงพอ และใช้การผลิตของโรงงานในไทย ทำให้ไม่ขาดแคลนวัคซีน โดยจะมีวัคซีนแอสตร้าฯ เข้ามาเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโควิด 19 ให้ทุกคนตั้งแต่ต้นปี 2565 เป็นต้นไป โดยแบ่งการส่งมอบ 3 ไตรมาส คือ ไตรมาสที่ 1 จำนวน 15 ล้านโดส ไตรมาส 2 จำนวน 30 ล้านโดส และไตรมาส 3 อีก 15 ล้านโดส
“เรากับแอสตร้าฯ มีความเข้าใจกันมากขึ้น ผู้ผลิตก็ทราบถึงความต้องการวัคซีนของเรา เขาจึงให้คำยืนยันว่าจะให้ความสำคัญกับการส่งวัคซีนให้ประเทศไทยเป็นอันดับแรก” นายอนุทิน กล่าวและว่า สัญญาในรอบนี้ กรมควบคุมโรคเจรจาได้เงื่อนไขที่ดีขึ้น ราคาดีขึ้น ไม่ต้องมัดจำเงินจองวัคซีน จะจ่ายเมื่อส่งวัคซีนแล้ว
นอกจากนี้ หากผู้ผลิตพัฒนาวัคซีนรุ่น 2 ที่ครบวงจรมากขึ้น ครอบคลุมสายพันธุ์เดลตาและอื่นๆ ได้สำเร็จ ก็สามารถสวิตช์คำสั่งซื้อได้ทันที โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม ส่วนปีหน้าวัคซีนแอสตร้าฯ อาจจะพัฒนารองรับการฉีดตั้งแต่ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ก็อาจจะใช้ในส่วนนี้ด้วย ไม่ต้องสั่งซื้อเพิ่มเติม แต่เราก็มีการเจรจาจัดหาวัคซีนโควิด 19 ในปีหน้ากับหลายผู้ผลิต ไม่เคยปิดกั้นรายอื่น
Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป